เทศกาลขอบคุณออนเซ็นอันสมบูรณ์ กิจกรรมภายในงานมีได้แก่ การแห่เกี้ยว (โอมิโคะชิ) ขบวนพาเหรด มีขบวนพาเหรดหรือโอมิโคชิ (แห่ศาลเจ้า) ชมความงดงามของเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นสู่ฟากฟ้ายามค่ำคืนจากการจุดไฟบนภูเขาโอคิ และใช้บริการออนเซ็นสาธารณะฟรี
ตื่นตากับขบวนพาเหรดขนาดใหญ่ซึ่งจำลองมาจากสมัยเก่าก่อนแบบไม่มีผิดเพี้ยน โดยสามารถชมได้ตั้งแต่ "ซากปราวาทโอคะ" ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระเลื่องชื่อของญี่ปุ่น จนถึงต.ทาเคดะซึ่งเคยเป็นเมืองใต้ปราสาทเมื่อครั้งโบราณ นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดชุดเกราะนักรบ และการแสดงยิงปืนไฟโดยกองพลปืน เรียกได้ว่าเสมือนได้ย้อนกลับไปสู่สมัยเซนโกะคุเลยทีเดียว
งานกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องมามากกว่าครึ่งศตวรรษ ในฐานะ "เทศกาลสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กได้สนุกสนาน" โดยจัดขึ้นที่บ้านเกิดของคุรุชิมะ ทาเคฮิโกะผู้ได้รับการขนานนามว่าแอนเดอร์เซนแห่งญี่ปุ่น ซึ่งธงปลาคาร์ฟขนาดยักษ์ที่ปลิวไสวถือเป็นสัญลักษณ์ขึ้นชื่อประจำเทศกาล
"เทศกาลปราสาทคิทสึกิ" ถือเป็นงานกิจกรรมใหญ่สุดของอ.คิทสึกิ "ขบวนแห่สมัยเอโดะ" และ "ขบวนแห่โออิรัน" จะทำให้ท่านรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับสู่สมัยเอโดะ
งานกิจกรรมใหญ่สุดของพื้นที่ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อต้อนรับการมาถึงของต้นฤดูร้อน อีกทั้งเป็นการเฉลิมฉลองเข้าสู่ฤดูกาลจับปลาอายุ โดยตลอดระยะเวลาจัดงาน 2 วัน ท่านจะได้ตื่นตากับดอกไม้ไฟเสียงดังกึกก้องและสวยงามมากกว่า 10,000 นัด
เทศกาลซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ค.ศ. 1643 โดยช่วงระหว่างพิธีอัญเชิญเทพออกเดินทาง (โอวาตะริ) และพิธีต้อนรับเทพกลับ (โอคะเอริ) จะมีการแห่ "3 เกี้ยว" และ "2 รถประดับ" พร้อมกันตามแบบประเพณีโบราณ โดยถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่งดงามกับอ.อุสุกิซึ่งเคยเป็นเมืองใต้ปราสาทอย่างมาก
งานกิจกรรมที่โด่งดังประจำอ.ทสึคุมิ โดยมีทั้งการเต้นระบำ "โซยะทสึคุมิ" ที่เปิดให้ประชาชนเข้าร่วม และกิจกรรมประชันดอกไม้ไฟ "โนเรียวฮานะบิ" ซึ่งท่านจะได้ชม "โอดะมะฮานะบิ" หรือดอกไม้ไฟยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดของคิวชู กับดอกไม้ไฟชะคุดะมะ 100 นัดที่จุดปิดท้ายงานเทศกาล
เทศกาลฤดูร้อนของเบปปุซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีทั้งการจุดดอกไม้ไฟสีสันสดสวยเต็มท้องฟ้ายามค่ำ การแสดงดนตรี รวมถึงสนุกกับการชิมอาหารและการชอปปิ้งตามร้านค้าแผงลอยสไตล์ญี่ปุ่นที่ตั้งเรียงราย
เทศกาลเก่าแก่จัดต่อเนื่องมานานถึง 580 ปี โดยมีการแห่รถประดับที่เรียกว่านากัทสึกิองฉะ 12 คัน และเกี้ยวอัญเชิญศาลเจ้า 2 คันไปทั่วเมือง อีกทั้งยังมีการเต้นรำบนรถประดับให้ชม แต่ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือการแบกรถกิองที่ประดับประสวยงามสูง 5 เมตรเข้าปะทะกัน
หนึ่งในเทศกาลฤดูร้อนของฮิตะที่สืบทอดมานานถึง 300 ปี ซึ่งมีทั้งขบวนแห่เกี้ยวยามาโนโกะสุดตระการตาไปทั่วเขตต.มาเมดะ และการบรรเลงดนตรีโบราณ "กิองฮายาชิ" รวมถึงพิธีสวดเพื่อปัดเป่าเคราะห์ภัยต่างๆ ส่วนช่วงค่ำมีการแขวนโคมไฟตามจุดต่างๆและการแห่เกี้ยวประดับไฟงดงาม
เทศกาลฤดูร้อนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งสืบทอดมานานมากกว่า300 ปี ตื่นตากับขบวนพาแห่รถลากซึ่งตกแต่งสวยงามสำหรับงานเทศกาลโดยเฉพาะ กับ "การปะทะกัน" อันแสนดุเดือดที่เหล่าผู้ชายต้องลากรถแห่พุ่งชนกัน
งานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของศาลเจ้าอุสะจินงู โดยวันแรกของงานเทศกาลมีการจัดขบวนแห่เกี้ยว 3 คันจากโจงูไปยังทงงู (อัญเชิญลง) และวันสุดท้ายแห่จากทงงูขึ้นมายังโจงู (อัญเชิญขึ้น) ที่สำคัญคือมีผู้เข้าร่วมขบวนแห่มากถึง 250 คน ทำให้งานเทศกาลนี้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม นอกจากนี้ยังมีการจุดดอกไม้ไฟยามค่ำคืนให้ชมด้วย
ช่วงเวลาที่ร้านรวงต่างๆในย่านการค้าใจกลางเมืองพากันตกแต่งประดับประดาเข้ากับเทศกาล อีกทั้งมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ ขบวนแห่รถลาก ขบวนดนตรีพื้นบ้าน การตีกลองใหญ่ญี่ปุ่น และการจุดดอกไม้ปิดท้าย
เพลิดเพลินกับระบำหลากรูปแบบ เช่น "คิทสึเนะโอโดริ" ซึ่งเด็กๆพากันเต้นรำด้วยท่าทีน่าขันเข้ากับเครื่องแต่งกายชวนหัวเราะ "อายะโอโดริ" ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มของดุดันของผู้ชายกับความอ่อนช้อยของผู้หญิงไปพร้อมๆกัน รวมถึงการแสดงแบบใหม่ๆที่มีให้ชมไม่ซ้ำในแต่ละปี
ทสึคุมิเรียะคุโอโดริเป็นการเต้นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ 450 ปีก่อน โดย จุดเด่นของระบำนี้คือการโบกพัดร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงามสลับกับการแสดงท่าทางคล้ายยามออกรบที่ดูห้าวหาญแกร่งกล้า
แสงจันทร์และแสงจากโคมไฟที่สาดส่องเรือนซามูไรสมัยก่อนกับทางเดินปูพื้นหิน คือเสน่ห์ที่ดึงดูดสู่โลกแห่งจินตนาการ โดยท่านสามารถแวะดื่มน้ำชาพลางฟังเสียงดนตรีจากโกโตะและขลุ่ยไม้ไผ่ให้จิตใจได้ผ่อนคลาย
เทศกาลแปลกแต่โดดเด่นของญี่ปุ่นที่จัดแสดงการต่อสู้ระหว่างเคะเบะสึผู้สวมหน้ากากพิลึกพิลั่นซึ่งต้องการกระโจนเข้าสู่ทะเลเพลิง กับโทบะในเครื่องแต่งกายขาวที่พยายามขัดขวางเคะเบะสึ กล่าวกันว่าหากผู้เข้าชมได้สัมผัสสะเก็ดไฟจะทำให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บตลอดปี
เครื่องปั้นดินเผาองทะยาคิเริ่มเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ 300 ปีก่อน โดยช่างฝีมือได้สืบทอดเทคนิควิทยาการจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง ซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อผลงานชิ้นใหม่ๆของช่างฝีมือได้ตามร้านที่มีอยู่ประมาณ 10 ร้านในเมือง
การแข่งขันวีลแชร์เดี่ยวระดับนานาชาติครั้งแรกของโลก เพื่อเป็นที่ระลึกปีผู้พิการสากลค.ศ. 1981 โดยปัจจุบันนี้การแข่งขันดังกล่าวได้รับการรับรองจากคณะกรรมการพาราลิมปิกนานาชาติ ในฐานะการแข่งขันวีลแชร์มาราธอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โคมไฟไม้ไผ่ประมาณ 20,000 อันซึ่งถูกนำมาตั้งเรียงรายตามทางเดินปูแผ่นหิน ส่องแสงนวลผ่องเพิ่มบรรยากาศชวนฝันให้กับเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
งานเทศกาลที่จำลองต้นแบบความงดงามอลังการ มาจากยุครัฐบาลบะคุฟุสมัยเอโดะ ซึ่งมีทั้งการแสดงพื้นบ้านที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน และพาเหรดเครื่องแต่งกายย้อนยุคที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน
เทศกาลจุดโคมไม้ไผ่ 30,000 โคมประดับบริเวณแม่น้ำคะเก็ทสึและแม่น้ำโจไนซึ่งไหลผ่านเขตมาเมดะ ที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับภาพทิวทัศน์ราวภาพฝันยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตและงานกิจกรรมต่างๆในย่านการค้าต.มาเมดะด้วย
ตื่นตาขบวนพาเหรดนักรบ ชมภาพเขียนลายพู่กันกองพลทหารม้า กองพลฟืน กองพลธนู ในหัวข้อ "สงคราม ณ แม่น้ำเบทสึกิ" ซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพชิมัทสึกับกองทัพของฝ่ายชิโกกุนำโดย โอโทโมะ โซรินผู้เป็นไดเมียวสมัยเซ็นโกะกุเมื่อค.ศ.1588
ทันทีที่เข้าสู่ช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง โคมไม้ไผ่ 20,000 โคมจะถูกจุดเพื่อสร้างสีสันทำให้อดีตเมืองใต้ปราสาทกลายเป็นดินแดนแห่งความฝัน นอกจากนี้ยังมีมุมร้านค้าแผงลอยให้ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่น เคล้าเสียงดนตรีแสดงสดคลอเบาๆ
หนึ่งในสามของเทศกาลเปลือยที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตื่นตากับคบไฟไทมัทสึขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นลุกที่โชติช่วง และภาพยามเหล่าคนหนุ่มใส่ผ้าคาดเอวแบกเกี้ยวโอมิโคชิข้ามแม่น้ำ
งานแสดงดอกไม้ไฟสีสันตระการตาจำนวน 10,000 นัดที่จุดขึ้นฟ้าเข้าจังหวะเพลงคริสต์มาส จนกลายเป็นงานศิลปะขนาดยักษ์บนฟากฟ้ายามค่ำคืน โดยฝีมือนักประดิษฐ์ดอกไม้ไฟในคิวชู นอกจากนี้ภายในงานยังมีการร้องเพลงคริสต์มาสประสานเสียงของนักร้อง 1,000 คน
ประเพณีต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ และขอพรให้กิจการประมงรุ่งเรือง การเดินเรือปลอดภัย โดยใช้ "เรือโฮไร" ล่องทวนกระแสน้ำขึ้นไปยังศาลเจ้าวาคามิยะฮะจิมัง ภาพยามที่ผู้เข้าร่วมงานนำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย กับภาพของฝีพายหนุ่มที่กระโดดลงในน้ำเย็นจัดถือว่าหาชมได้ยากยิ่ง
เทศกาลตุ๊กตาฮินะของแต่ละท้องที่ในจังหวัดโออิตะต่างก็มีสีสันและรูปแบบเฉพาะ โดย อ.ฮิตะที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดเทศกาลฮินะของคิวชู ส่วนอ.อุสุกิโดดเด่นด้านตุ๊กตาฮินะทำจากกระดาษสาญี่ปุ่นหลากสี ในขณะที่อ.คิทสึกิยังคงมีกลิ่นอายแบบเอโดะหลงเหลือให้เห็น
ในช่วงของการปฏิรูปยุคเทมโป (ค.ศ.1830 - 1843) ซึ่งเป็นยุคที่แคว้นอุสุกิตกอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านได้รับอนุญาตให้ประดับตุ๊กตาฮินะที่ทำจากกระดาษเท่านั้น และนั่นคือที่มาของประเพณีประดับตุ๊กตาฮินะกระดาษในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของอ.อุสุกิ
พบกับการจัดแสดงตุ๊กตาฮินะของแต่ละสมัยที่ยังหลงเหลืออยู่ในเขตพื้นที่ ซึ่งระหว่างการจัดงานมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ แสตมป์แรลลี่ พิธีชงชา ให้เข้าร่วม
ในจำนวนตุ๊กตาฮินะที่นำมาจัดแสดง มีหลายตัวที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เพราะเคยอยู่ในครอบครองผู้ปกครองแคว้น และของตระกูลซาโนผู้เป็นแพทย์ประจำท้องถิ่นสมัยเก่าก่อน นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาฮินะอีกหลากหลายรูปแบบ รวมถึงตุ๊กตาฮินะเด็กๆในท้องถิ่นประดิษฐ์เอง
เทนเรียวฮิตะเคยรุ่งเรืองอย่างมากในฐานะศูนย์กลางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองของคิวชูในฐานะเขตการปกครองโดยตรงของโชกุนในสมัยเอโดะ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้จะมีตุ๊กตาฮินะแสนงดงามที่บรรพ่อค้าผู้ร่ำรวยในสมัยนั้นกว้านซื้อมาจากเกียวโตและโอซาก้าหลงเหลือให้เห็นจนถึงทุกวันนี้
ร้านค้าต่างๆในเขตพื้นที่ที่มีอยู่ประมาณ 40 ร้าน คือสถานที่จัดแสดงตุ๊กตาฮินะสมัยเอโดะจนถึงสมัยโชวะ โดยมีทั้งตุ๊กตาฮินะแบบดั้งเดิมที่ทำจากไผ่ ไปจนถึงตุ๊กตาฮินะประดิษฐ์เอง อีกทั้งยังมีของตกแต่งบ้านทำจากไผ่ให้เลือกซื้อด้วย
การจัดแสดงตุ๊กตาฮินะที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณในตระกูลผู้เคยอาศัยอยู่ในท้องถิ่น โดยใช้สถานีรถไฟJRนาคัทสึจนถึงร้านรวงต่างๆในย่านการค้าเป็นสถานที่จัดแสดง อีกทั้งยังมีห้องภาพ กิจกรรมชงชา การออกร้านแผลลอยมาร่วมสร้างสีสัน
ประเพณีสวดอธิษฐานให้ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ และธัญพืชทั้งห้า (ข้าว ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่ว) ให้ได้ผลผลิตสมบูรณ์ที่สืบทอดมาช้านาน อีกทั้งเป็นเสมือน "พิธีต้อนรับบรรพบุรษซึ่งกลับมาปรากฏในร่างของยักษา"
